ไปเที่ยวหนองคายค่ะ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยว ในประเทศไทย

ล่องใต้เที่ยวทะเลเมืองตรัง ลุยป่า-ลอดถ้ำสัมผัสสีเขียว

ล่องใต้เที่ยวทะเลเมืองตรัง ลุยป่า-ลอดถ้ำสัมผัสสีเขียว

 

จังหวัดตรัง

จังหวัดตรัง

ล่องใต้เที่ยวทะเลเมืองตรัง ลุยป่า-ลอดถ้ำสัมผัสสีเขียว
(ไทยโพสต์)
โดย :  สรณะ

           หากพูดถึงจังหวัดสีเขียว เมืองตรัง อยู่ในใจของนักผจญภัยอย่างแน่นอน ด้วยความยาวของชายฝั่งทะเลอันดามันกว่า 120 กม. ที่มีหาดทรายขาว ปะการังสวย น้ำทะเลใส หรือเกาะแก่งกลางทะเลที่งดงามด้วยภูมิทัศน์ นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ทั้งป่า เขา น้ำตก ถ้ำ หินสูงตระหง่านที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง งดงามเกินคำบรรยาย  

           การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยการเที่ยวป่าเป็นอันดับแรก ที่สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) อ.ย่านตาขาว ก่อนมาที่นี่หลายคนนึกถึงผืนป่าใหญ่กว้างขวาง มีเทือกเขาทอดตัวยาว หรือมีเขาสูงเตี้ยสลับกันไป แต่สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ เป็นต้นน้ำของลำห้วยเล็ก ๆ ลักษณะป่าจะเป็นป่าดิบชื้น ป่าพรุ และทุ่งหญ้าเป็นพื้นที่ป่าแวดล้อมไปด้วยชุมชนเล็ก ๆ โดยรอบ จึงกล่าวได้ว่าเป็นเมืองล้อมป่า มิใช่ป่าล้อมเมืองเฉกเช่นผืนป่าทั่วไป
จังหวัดตรัง

           ภายในมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เลือกหลายเส้นทาง ที่พลาดไม่ได้ คือเส้นทางสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ (Canopy Walk Way) ลักษณะเป็นหอคอยไต่ระดับมีสะพานแขวนเชื่อมต่อกัน ระยะทางยาวประมาณ 175 เมตร สูงประมาณ 18 เมตร สร้างขึ้นเพื่อใช้ศึกษาความแตกต่างทางชีวภาพของป่าดิบในความสูงระดับต่าง ๆ และสามารถมองเห็นป่าไม้ในระยะใกล้ชิดอีกมุมมองหนึ่ง และได้สัมผัสกับธรรมชาติของสังคมพืชเรือนยอดไม้ของต้นไม้สูง ๆ ได้อย่างชัดเจนในระดับสายตา ไม่ว่าจะเป็นใบ ดอก และผล

           อีกทั้งจะได้พบเห็นสัตว์ป่าจำพวกนก กระรอก กระแต ลิง ค่าง โดยไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นฟ้า แล้วใช้กล้องส่อง ถ้ามองลงมาด้านล่างจะเห็นรอยต่อระหว่างป่าดิบชื้นกับป่าพรุได้ชัดเจน โดยสถานที่ดังกล่าวนี้ สามารถเที่ยวได้ตลอดปี ใช้เวลาเดินประมาณ 1-2 ชั่วโมง
จังหวัดตรัง
   
           ต่อมาเราก็ออกเดินทางไปพายเรือระทึก ถ้ำเล เขากอบ อ. ห้วยยอด เป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านตัวถ้ำ การเข้าชมความงามของถ้ำดังกล่าวไม่เหมือนการเข้าชมถ้ำที่อื่น ๆ เพราะผู้เข้าชมต้องนั่งเรือท้องแบนไฟเบอร์ขนาด 5 คน ที่ทาง อบต.เขากอบจัดเตรียมไว้ให้ พร้อมคนพายหัวท้ายเรือจะเคลื่อนตัวลอยเลาะเลียบสายน้ำไปตามลำคลองเล็ก ๆ อย่างช้า ๆ ให้ได้ชื่นชมบรรยากาศสบาย ๆ ของสองฟากฝั่งที่ร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยต้นยาง

           มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเรือมาชะลอตัวอยู่หน้าภูเขาสูงชัน ที่เบื้องหน้ามีเพียงสายน้ำที่ไหลลอดหายเข้าไปใต้ภูเขา ระหว่างทางเรือจะเทียบท่าให้เดินขึ้นไปในเวิ้งถ้ำเพื่อชมความงามของหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ มีทั้งหมด 8 ถ้ำ แต่ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวชมเพียง 5 ถ้ำ

           ไฮไลต์ของการล่องเรือจะอยู่ในช่วงที่เพดานต่ำสุด เรียกช่วงนี้ว่า "การลอดท้องมังกร" ทุกคนบนเรือต้องนอนราบไปกับเรือ เพราะระยะห่างระหว่างเพดานถ้ำอยู่ห่างจากปลายจมูกประมาณแค่หนึ่งฝ่ามือ ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมง ทุกคนที่เข้าไปแล้วออกมา จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกและตื่นเต้นแบบไม่เคยเจอมาก่อน
จังหวัดตรัง

           ถัดมาก็ถึงคราวต้องลงทะเล มิเช่นนั้นเดี๋ยวจะมาไม่ถึงตรัง โดยเฉพาะถ้ำมรกต ณ เกาะมุก ถือว่าเป็นอันซีน ไทยแลนด์ เป็นถ้ำทะเลที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของภูผา มีความงดงามตระการตาอย่างมาก ซึ่งจะเข้า-ออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น

           จากปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นโพรงเล็ก ๆ ช่วงเวลาน้ำลด โพรงนี้จะสูงพ้นระดับน้ำพอให้เรือคายัค ลอดมาได้ แต่หากช่วงน้ำมากอาจจะต้องว่ายน้ำลอยคอเกาะกันเข้าไปตามทางที่คดโค้ง ระยะทางประมาณ 80 เมตร
จังหวัดตรัง

           เมื่อพ้นปากถ้ำออกมา อีกด้านจะเป็นหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน ที่มีท้องฟ้าเป็นหลังคา และผนังแต่งแต้มด้วยลายเขียวของใบไม้ โพรงที่ลอดเข้าถ้ำมรกตจะอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเกาะ ยามแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะ ทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม ประหนึ่งจิตรกรรมแห่งธรรมชาติที่ได้บรรจงสร้างให้มวลมนุษย์ได้ชื่นชม

           หลังจากว่ายกลับออกมาหน้าปากถ้ำมรกต รอบ ๆ เกาะมุกยังมีแนวปะการังแข็งอ่อน กัลปังหา และปลาหลากชนิดน่าชมมาก เหมาะสำหรับทั้งการดำน้ำตื้นและลึก นอกจากนี้ หากแวะไปที่ชายหาดสวยงามด้านฝั่งตะวันออกของเกาะ ก็จะได้พบกับวิถีชีวิตชาวประมงของชุมชนบ้านเกาะมุก ซึ่งสะท้อนให้เห็นการใช้ชีวิตแบบพอเพียงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้

จังหวัดตรัง

           ปิดท้าย ด้วยการนั่งเรือไปพายคายัครอบ เกาะกระดาน ชมปะการังน้ำตื้น ถือเป็นเกาะที่สวยแห่งหนึ่งของทะเลตรัง  อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุก และเกาะลิบง มีเนื้อที่กว่า 600 ไร่

           หาดทรายที่นี่ขาวเนียนละเอียดมากเหมือนแป้ง น้ำทะเลใสสีสวยจนเห็นริ้วทรายใต้พื้นน้ำ สุดชายหาดด้านเหนือ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นแนวปะการังทอดยาวออกไปในทะเลเกือบร้อยไร่ เช่น ปะการังสมอง ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อนหนามแดง และสามารถมองเห็นปลาหลากชนิดที่มีสีสันสวยงามแหวกว่ายไปมาอย่างชัดเจน เป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนเกาะอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เอง จึงถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ใต้สมุทรของจังหวัดตรัง
จังหวัดตรัง

           นอกจากนี้ ที่หน้าหาดยังเป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก สามารถมองเห็นเกาะมุก เกาะแหวน เกาะเชือก เกาะม้าเรียง ไปจนถึงเกาะไหง จากหาดนี้มีเส้นทางเดินเท้าไปชมยังหาดอื่น ๆ ของเกาะได้ เช่น หาดอ่าวช่องลม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ซึ่งเป็นจุดเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ตกดิน ลักษณะหาดเป็นหาดเล็ก ๆ ทรายเม็ดละเอียด แต่มีโขดหินสีน้ำตาลเกลื่อนกลาดเต็มหาด เป็นภูมิทัศน์ที่ดูแปลกตา ทางทิศใต้ของเกาะมีแนวปะการังน้ำตื้นอยู่ด้านหน้าหาดอ่าวเนียง ซึ่งเป็นจุดดำน้ำอีกแห่งหนึ่งของเกาะกระดาน
จังหวัดตรัง

           เห็นความมหัศจรรย์ของเมืองตรังแล้ว เล่นเอาหลายคนอยากจัดกระเป๋ามาเที่ยวได้ทันที แต่มีคำเตือนนิดเดียวจากชาวตรัง ขอให้มาแต่ตัว และเก็บความทรงจำที่ประทับใจกลับออกไปเท่านั้น อย่าเข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่าเอาขยะมาทิ้งไว้ ขณะที่การพายเรือก็อย่าใช้ไม้ค้ำจนปะการังได้รับความเสียหาย ส่วนการไปถ้ำก็อย่าสัมผัสหินงอกหินย้อย เพราะจะทำให้มันตาย และหากเป็นไปได้ การเดินทางมาที่นี่ควรใช้รถไฟแทนเครื่องบิน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นไปตามแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.

           ง่าย ๆ แค่นี้ นักท่องเที่ยวทุกคนก็มีส่วนทำให้จังหวัดตรังคงความสวยงามตามธรรมชาติ และที่สำคัญมีส่วนช่วยรักษาโลกใบนี้อีกด้วย

อิ่มท้อง สบายตา @ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

อิ่มท้อง สบายตา @ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

 

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง


ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท.

          วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ถ้าใครยังไม่มีโปรแกรมไปท่องเที่ยวผ่อนคลายความเครียด ทั้งจากการงาน การเรียน วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินเลาะตลาดน้ำ นั่งเรือชมวิถีวิชีวิตของชาวบ้าน ๆ ชุ่มช่ำหัวใจจากสายน้ำใส ณ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จังหวัดสมุทรปราการ ใครรู้ตัวว่าเป็นรักการชิม การช้อป ก็อย่ารอช้า ตามเราเข้าไปเดินเล่นชิลด์ ๆ กันเลยค่ะ...

          ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งตั้งอยู่ที่ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง และประชาชนบางน้ำผึ้ง ได้ร่วมใจปลุกวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมขึ้นมาใหม่ ด้วยการสร้าง "ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง" ขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับขายสินค้าของชุมชนบางน้ำผึ้งและตำบลใกล้เคียง ฝั่งเมืองพระประแดง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

          ภายในตลาดจะมีของกินของฝากนานาชนิด ให้เลือกสรรหาซื้อจับจ่าย ไม่ว่าจะเป็น ขนมหวานพื้นเมืองฝีมือชาวบ้าน ขนมถ้วย ขนมจาก กล้วยแขก ม้าฮ่อ ขนมตระกูลทอง กาละแมกวน ฝอยเงินที่ใช้ไข่ขาวต้มในน้ำเชื่อมรสหวานชุ่มคอ หมี่กรอบโบราณ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ไส้กรอกโบราณ ห่อหมกหมู หอยทอดในถาดขนมครก ไก่สะเต๊ะ น้ำพริกต่าง ๆ  ผักดองชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการแปรรูปพืชผักให้มีรับประทานนอกฤดูกาล ฯลฯ

          รวมถึงมีต้นไม้นานาพันธุ์ ปลาสวยงามหลากชนิด และผลิตผลของชาวบ้าน เช่น มะพร้าวอ่อน มะม่วงน้ำดอกไม้ ฝรั่ง กล้วยหอม ชมพู่มะเหมี่ยว ผักพื้นบ้าน เป็นต้น วางจำหน่ายตลอดสองข้างทางความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ขนานไปคลองซอยสายเล็ก ๆ ที่แตกแขนงจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้อากาศไม่ร้อนเกินไป เพราะสายลมพัดเอื่อย ๆ ปะทะใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

          นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์รวมสินค้า OTOP ที่สร้างสรรค์จากคนในชุมชนบางน้ำผึ้งและตำบลใกล้เคียงในจังหวัดสมุทรปราการ เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา บ้านธูปสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากทะเลอย่างกุ้งแห้ง กะปิ หอยดอง ภาพประดิษฐ์จากรกมะพร้าว ของตกแต่งบ้าน ดอกหญ้าหลากสี โมบายล์ ลูกตีนเป็ดรูปร่างแปลกตา ฯลฯ

          ถ้าเดินกินจนเหนื่อยเริ่มปวดแข้งปวดขา ที่ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ก็ มีนวดแผนโบราณไว้สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ขี้เมื่อยทั้งหลาย แต่ถ้าอยากไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบางน้ำผึ้ง ก็มีบริการเรือพาเที่ยวคลองบางน้ำผึ้ง หรืออยากจะลองพายเรือเองก็สามารถทำได้ เพราะมีบริการให้เช่าลำละเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น แต่ถ้าใครที่อยากออกกำลังกายเล็ก ๆ ขอแนะนำให้เช่ารถจักรยาน (คันละ 30 บาท) ขี่ชมวิวของธรรมชาติรอบ ๆ

          สำหรับใครที่โหยหาวิถีชีวิตชุมชนชาวสวน จะพักค้างคืนที่ "โฮมสเตย์บางน้ำผึ้ง"ก็ได้ เพราะที่นี่มีบ้านพักที่ปลูกอาศัยติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บางหลังอยู่ติดริมคลองบางน้ำผึ้งสามารถกางเต็นท์นอนได้ มีบ้านไทยโบราณอายุกว่า 100 ปี เลือกพักตามความชอบและเหมาะสมกับนักท่องเที่ยว

          ทั้งนี้ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จะมีเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 14.00 น. เท่านั้นนะคะ

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

การเดินทาง

          รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางด่วนมาลงที่ถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อลงทางด่วนขับมาเรื่อย ๆ จะเห็นสามแยก พระประแดง – สุขสวัสดิ์ เลี้ยวซ้ายตรงสถานีบริการน้ำมัน พอถึงตลาดพระประแดงให้เลี้ยวซ้ายผ่านวัดทรงธรรมวรวิหารประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบป้ายบอกทางเข้าตลาดให้เลี้ยวขวาเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงสถานีอนามัยบางน้ำผึ้งซึ่งจะเป็นที่จอดรถ

          รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารประจำทางสาย ปอ.138, สาย 82, ปอ.140 สาย 82, สาย 506 ไปลงตลาดพระประแดงแล้วต่อรถประจำทางสายพระประแดง-บางกอบัว ก็จะผ่าน ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

          - สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 โทร.0-3731-2282, 0-3731-2284 www.tat8.com

          - องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง โทร.0-2819-6762, 08-1171-4930 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นายก อบต. น้ำผึ้ง โทร.08 1171 4930 สำนักงาน อบต. บางน้ำผึ้ง โทร.0 2819 6762

เที่ยว ปาย ไป ปางอุ๋ง ดินแดนแห่ง ... ความรัก

 


ปาย


เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบจาก คุณ Oaddybeing


            
โอ๊ะโอ่... เผลอแป๊บเดียว "ลมหนาว" กำลังจะมาเยือนอีกแล้ว หลายๆ คนคงกำลังรอคอยลมหนาวให้พัดผ่านมาอีกครั้งใช่มั้ยล่า... เพราะหน้าหนาวเป็นช่วงที่คนไทยชื่นชอบเอามากๆ อากาศไม่ร้อนมากนัก (จากที่ร้อนสุดๆ กันมาแล้วในหน้าร้อน) ฝนฟ้าก็ไม่มีตกให้ต้องกังวลใจ แถมหลายๆ จังหวัดในเมืองไทย ก็ยังอากาศดี๊ดี...เย็นสบาย น่าไปพักผ่อนตากอากาศยิ่งนัก บางแห่งก็ปกคลุมไปด้วยไอหมอก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่น่าเย้ายวนใจเป็นที่สุด
             และเมื่อนึกถึงสถานที่ขึ้นชื่อในเรื่องการท่องเที่ยวในไอหมอก เมืองสามหมอกอย่างแม่ฮ่องสอน ก็คงจะเป็นอันดับต้นๆ ที่จะต้องพูดถึง และแน่นอนที่สุด "ปาย" คือเมืองในหมอกที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึง ปาย... เมืองเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน เป็นรอยต่อชายแดนไทย - พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด ที่แห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆ ยามเช้า และด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ทำให้เมือง ปายยังคงความเป็นธรรมชาติ ไว้สูง ความเจริญทางวัตถุยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงที่นี่ได้มากนัก เอกลักษณ์เหล่านี้ดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองปายได้นักต่อนัก
ปาย

             แน่นอนว่าใครที่ได้มาเยือนเมืองปาย คงอดไม่ได้ที่จะตื่นขึ้นมาสัมผัสไอหมอกตั้งแต่เช้าตรู่ จิบกาแฟหอมกรุ่น พร้อมอาหารเช้าแบบชาวพื้นเมือง หรือถ้าอยากชมบรรยากาศของเมืองก็สามารถเช่าจักรยานขี่เที่ยวชมเมืองได้สบายๆ หรือล่องแก่งแม่น้ำปาย ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ หรือจะเลือกขี่ช้าง เดินป่า ก็ย่อมได้ตามสไตล์ของนักลุยเลยล่ะค่ะ

            
แต่ถ้าใครอยากท่องเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แล้วล่ะก็ ที่ปายก็มีตัวเลือกให้คุณๆ เพียบ!! ทั้งสถานที่ทางศาสนาอย่าง "วัดกลาง" ซึ่งภายในวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่ ศิลปะไทย  ใหญ่แท้ ประดิษฐานอยู่กลางลานวัด มีเจดีย์ทรงมอญรายล้อมโดยรอบ ใต้เจดีย์ทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวัน เหนือฐานเจดีย์องค์ใหญ่ทำเป็นมณฑปยอดมงกุฎ

วัดน้ำฮู


             "วัดน้ำฮู" อันเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่ออุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 มีพระธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่ มานมัสการและสงสัยว่าข้างในพระจะมีน้ำ จึงเปิดดูพบว่ามีน้ำจริงๆ ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีผู้คนหลังไหลมาขอน้ำไปสักการะ พอน้ำในพระเศียรหมดก็จะมีไหลออกมาอีกในลักษณะซึมออกมาตลอดเวลา จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาขอน้ำมนต์ไปสักการะอยู่เนืองๆ

             หรือหากอยากเที่ยวชมสถานที่ ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็มีให้เลือกเต็มไปหมด อาทิ "น้ำตกหมอแปง" ซึ่งสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้สะดวก และมีชาวเขาเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง บริเวณรอบน้ำตกมีป่ายางร่มรื่น อยู่ห่างจากตัวอำเภอปาย ประมาณ 8 - 9 กิโลเมตร ใกล้กับน้ำตกหมอแปง เป็น "น้ำตกม่วงสร้อย" แต่ทางเข้ายังไม่สะดวกนัก หรือหากอยากเที่ยวน้ำตกสวยๆ ใกล้ๆ เมืองปาย ก็ต้องลองไปเยือน "น้ำตกแม่เย็น" ซึ่งอยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ห่างจากอำเภอปายประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดสูง 3 ชั้น และสวยงามที่สุดของอำเภอปายเลยทีเดียว 

             "เจดีย์พระธาตุแม่เย็น" อยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ตามเส้นทางสายแม่ฮ่องสอน - ปาย ตั้งอยู่บนเนินสูง และเมื่อขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุแม่เย็น ก็จะมองเห็นทิวทัศน์ ของอำเภอปายโดยทั่วถึง เรียกว่าเป็นจุดสังเกตของผู้โดยสารเครื่องบิน ว่าเข้าเขตอำเภอปายแล้ว
          ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ก็มีให้เลือกเต็มไปหมด อาทิ ซึ่งสามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้สะดวก และมีชาวเขาเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง บริเวณรอบน้ำตกมีป่ายางร่มรื่น อยู่ห่างจากตัวอำเภอปาย ประมาณ 8 - 9 กิโลเมตร ใกล้กับน้ำตกหมอแปง เป็น แต่ทางเข้ายังไม่สะดวกนัก หรือหากอยากเที่ยวน้ำตกสวยๆ ใกล้ๆ เมืองปาย ก็ต้องลองไปเยือน ซึ่งอยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ห่างจากอำเภอปายประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดสูง 3 ชั้น และสวยงามที่สุดของอำเภอปายเลยทีเดียว อยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ตามเส้นทางสายแม่ฮ่องสอน - ปาย ตั้งอยู่บนเนินสูง และเมื่อขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุแม่เย็น ก็จะมองเห็นทิวทัศน์ ของอำเภอปายโดยทั่วถึง เรียกว่าเป็นจุดสังเกตของผู้โดยสารเครื่องบิน ว่าเข้าเขตอำเภอปายแล้ว

วัดพระธาตุแม่เย็น
             "น้ำตกผาเสื่อ" ห่างจากตัวเมืองประมาณ 26 กิโลเมตร อยู่เส้นทางเดียวกับปางอุ๋ง เส้นทางเป็นทางลาดยางตลอด น้ำตกแห่งนี้ไหลลงมาจากน้ำตกแม่สะงาในพม่ามี 6 ชั้น และมีน้ำตลอดปีช่วงที่เหมาะสมจะไปท่องเที่ยวคือเดือนกรกฎาคม – กันยายน 

             "กองแลน" ลักษณะเป็นผืนดินที่ถูกกัดเซาะเป็นร่องลึกคล้ายหน้าผาติดต่อกันเป็นบริเวณกว้างประมาณ 5 ไร่เศษ (คล้ายกับแพะเมืองผีของจังหวัดแพร่) สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล

             "โป่งน้ำร้อนเมืองแปง"เป็นบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ ห่างจากอำเภอปายประมาณ 28 กิโลเมตร ใกล้กับหน่วยพิทักษ์และรักษาป่าแม่ปิง เป็นทางลูกรัง อุณหภูมิของน้ำร้อนสูงถึง 95 องศาเซลเซียส และพลุ่งขึ้นเป็นระยะๆ

             "อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาและภูเขาสูงสลับซับซ้อนมีภูเขาที่สูงที่สุดคือดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย มีจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ

ห้วยน้ำดัง

             - "จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม)" ตั้งอยู่ที่ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง เป็นที่ตั้งของหน่วยพัฒนาต้นน้ำที่ 2 (ห้วยน้ำดัง) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก นักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่และคอยชมพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งงดงามมาก…

             - "จุดชมวิวดอยช้าง" อยู่ทางเหนือของห้วยน้ำดัง เป็นจุดที่สามารถมองเห็นสภาพธรรมชาติของทิวเขาอันสลับซับซ้อน และทะเลหมอกในยามเช้าตรู่

             - "น้ำตกห้วยน้ำดัง" เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยน้ำดัง มีโขดหินมากมาย มีความสูงประมาณ 50 เมตร กว้าง 10 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง

             - "โป่งน้ำร้อนท่าปาย" ที่อยู่ในป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนบนท้องที่ตำบลแม่ฮี้ สภาพของโป่งน้ำร้อนเป็นบ่อน้ำร้อน น้ำกำลังเดือดเป็นฟองๆ และมีหมอกควันปกคลุมพื้นที่ พร้อมทั้งมีน้ำร้อนไหลเรื่อยๆ ทั่วบริเวณกว้าง มีบ่อใหญ่สองบ่อ นอกนั้นมีลักษณะเป็นน้ำผุดบางจุด ความร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียส และรอบๆ โป่งร้อนเป็นไม้สักที่สมบูรณ์มาก ภายในบริเวณอนุญาตให้ตั้งเต็นท์พักแรมได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็เหมาะมากสำหรับขาลุยทั้งหลาย...ใช่ไหมคะ 


กิจกรรมแนะนำยามเที่ยวปาย...
ปาย
 

              
ปั่นจักรยานชมเมืองปาย
             เส้นทางปั่นจักรยานสาย เชียงใหม่ – แม่มาลัย - ปาย เป็นเส้นทางที่ท้าทายนักปั่นเสือภูเขาเป็นอย่างมาก เพราะเส้นทางคดเคี้ยว ปั่นเลาะเลี้ยวไปตามหุบเขา สองข้างทางรายล้อมไปด้วยพืชพรรณไม้และป่าเขาลำเนาไพร โดยนักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาเอง หรือถ้าไม่สะดวกที่นี่ก็มีบริการจักรยานให้เช่าค่ะ 


             นั่งช้างชมไพร

             โยกซ้ายที... โยกขวาที... กับการนั่งช้างชมไพร เป็นกิจกรรมที่บริการให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินในการชมธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ท่านสามารถติดต่อบริการนั่งช้างได้ที่ ปางช้างบ้านท่าปาย ใกล้กับท่าปายสปาแค้มปิ้งรีสอร์ท เป็นเส้นทางเดียวกับการไปน้ำพุร้อนบ้านท่าปาย ค่าบริการนั่งช้าง ชั่วโมงละ 500 บาท นั่งได้สองคนต่อช้าง 1 เชือก   
              ล่องแก่งแม่น้ำปาย

             การล่องแก่งแม่น้ำปาย รวมระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ความยากของแก่งมีตั้งแต่ระดับ 1 - 4 ช่วงฤดูฝนอาจจะถึงระดับ 5 ซึ่งมีความยากมาก และระดับน้ำรุนแรง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและความสนุกสนานตลอดสายน้ำ เช่น เล่นน้ำตกซู่ซ่า ผจญภัยแช่ตัวในบ่อโคลน (วู้ว) กระโดดหน้าผาสูง ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการล่องแก่ง คือ เดือนมิถุนายน - กุมภาพันธ์ของทุกปี
   

               ล่องแพยาง

             อำเภอปาย นับว่าเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้ริเริ่มกิจกรรมนี้ การล่องแพยางไปตามสายน้ำ เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองนี้มักจะไม่พลาด โดยส่วนใหญ่โปรแกรมการล่องแก่งจะไปเริ่มที่ลำน้ำของ ในเขต อ.ปางมะผ้า และไปสิ้นสุดที่ลำน้ำปายในพื้นที่ของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ในระหว่างการล่องแก่งท่านจะได้พบกับความสนุกตื่นเต้น การตั้งแค้มป์ในป่า การแช่โคลนจากบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ เพื่อผิวพรรณเปล่งปลั่ง กิจกรรมการล่องแก่งจะมีในช่วงเดือน ต้นเดือนมิถุนายน – กุมภาพันธ์ของปีต่อไปค่ะ 

ปาย

             และพลาดไม่ได้หากมีเวลาเหลือ ขอแนะนำให้เดินทางต่อไป...ที่อำเภอปางมะผ้า เพื่อสัมผัสกับ... "ถ้ำน้ำลอด Unseen Thailand" อีกแห่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้...ที่นี่เป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญ โดยพบเครื่องมือเครื่องใช้โบราณในถ้ำ สันนิษฐานได้ว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว มีลำห้วยชื่อ "น้ำลาง" ไหลลอดภูเขาไปทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายในถ้ำมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ประกอบด้วยห้องโถงใหญ่อีก 3 ห้อง เรียกชื่อต่างๆ กันคือ "ถ้ำเสาหินหลวง" เป็นถ้ำกว้างใหญ่ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม
             "ถ้ำตุ๊กตา" มีหินงอกเป็นปุ่มปมเล็กๆ คล้ายตุ๊กตาเรียงรายอยู่มากมาย และด้านหนึ่งของผนังถ้ำยังปรากฏภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่กว้างและยาวที่สุดในถ้ำลอด ถ้ำสุดท้ายอยู่ด้านทางออกคือ "ถ้ำผีแมน" นอกจากมี หินงอกหินย้อยสวยงามแล้ว ยังเป็นที่พบเศษภาชนะดินเผา เมล็ดพืช เครื่องมือหิน ซีกฟันและกระดูกของมนุษย์ รวมทั้ง "โลงผีแมน" อีกด้วย โลงผีแมนนี้มีลักษณะเป็นท่อนไม้ที่ถูกขุดตรงส่วนกลางออกเป็นร่องคล้ายเรือ หรือรางไม้ใส่อาหารให้สัตว์เลี้ยง มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ 

             ถ้ำน้ำลอดนี้เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. แต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าชมเองได้ เนื่องจากภายในถ้ำมืดมาก จึงต้องใช้บริการผู้นำทางพร้อมตะเกียงเจ้าพายุ โดยจะเสียค่าบริการ 100 บาท ต่อผู้นำทาง 1 คน และใช้แพไม้ไผ่ ในการล่องเที่ยวชมถ้ำอีกด้วยค่ะ

             บริเวณที่ทำการยังมีบ้านพักไว้บริการ และอนุญาตให้ตั้งเต็นท์พักแรมได้ โดยสามารถติดต่อโดยตรงที่หน่วยบริการภายในสถานศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอดได้เลยค่ะ

            
นอกจากนี้ ในเขตอำเภอปางมะผ้า ยังมีผู้สำรวจพบถ้ำต่างๆ อีกหลายถ้ำ เช่น ถ้ำผาเผือก ถ้ำผาแดง ถ้ำปางคำ ถ้ำน้ำตก ถ้ำซู่ซ่า ถ้ำผามอญ ถ้ำแม่ละนาฯลฯ เนื่องจากถ้ำเหล่านี้ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ อีกทั้งการเดินทางยากลำบาก ถ้ำบางแห่งมีระยะทางลึกมาก (โดยเฉพาะถ้ำแม่ละนา ที่นักสำรวจถ้ำคาดว่าลึกประมาณ 13 กิโลเมตร) และมีลำธาร บางช่วงอาจต้องว่ายน้ำไป จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยและเสาะแสวงหาธรรมชาติอย่างแท้จริงค่ะ
             สำหรับการเดินทางมาปายอาจจะใช้เวลานานสักนิด แต่ก็ไม่ยากเกินไปค่ะ จะขับรถมาเอง หรือโดยสารรถทัวร์ ก็ไม่มีปัญหา ยิ่งเดี๋ยวนี้มีสายการบินราคาถูกไว้ให้บริการ ก็ช่วยย่นระยะเวลาไปได้มากทีเดียวค่ะ


รถโดยสารประจำทาง
   

ปาย
 
            จากกรุงเทพฯ

             มีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทเอกชน ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือหมอชิต 2 ทุกวันๆ ละ 1 เที่ยว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เมืองเหนือยานยนต์โทร. 0-2936-3587-8, 0-2245-4439, 0-2278-5392

            
 จากเชียงใหม่  
             มีรถโดยสารประจำทางทั้งธรรมดาและปรับอากาศ วิ่งบริการ 2 เส้นทาง คือ 

             1. สายเชียงใหม่-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน มีบริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา (ทางหลวงหมายเลข 108) 06.30-21.00 น. ใช้เวลาเดินทางถึงอำเภอ แม่สะเรียง 4 ชั่วโมง ถึงแม่ฮ่องสอน 8 ชั่วโมง 

             2. สายเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน มีบริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา (ทางหลวงหมายเลข 107 และ 1095) 07.00-12.30 น. ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 6 ชั่วโมงรายละเอียดติดต่อ บริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด โทร. 0-5361-1318

            
 เครื่องบิน 
            - บมจ. การบินไทย มีบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1566, 0-2280-0060, 0-2628-2000 

            - สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0-5321-0043-5, 0-5321-1044-7 

             - สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0-5361-1297, 0-5361-1194, 0-5361-1514


วิวระหว่างทางไปปางอุ๋ง

             โอ๊ะโอ้ว... ไม่เพียงเท่านี้นะคะ หลังจากสนุกสนานเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวปายกันไปแล้ว เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่ง ที่ขอบอกว่าน่าเที่ยวไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย นั่นคือ... "ปางอุ๋ง" (บ้านรวมไทย) เป็นหมู่บ้านโครงการพระราชดำริปางตอง 2 ในพระบรมราชินูปถัมป์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลักษณะพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำมีแนวสนที่ปลูกเรียงรายอย่างกลมกลืนและสวยงามมากๆ "ปางอุ๋ง" อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จุดเด่นของที่นี่คือ... เวิ้งน้ำสายหมอกและใบสน... ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ส่องแสงสะท้อนผืนน้ำเป็นลำแสงสีทองผ่านแนวสนเขียวขจี ท่ามกลางบึงน้ำขนาดใหญ่และสายหมอก พร้อมอากาศที่หนาวเย็น (จับใจ) เรียกว่างดงามจนถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในเมืองไทย แถมยังมีอากาศที่หนาวเย็น หลายคนบอกว่าที่นี่คือสวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย แต่บางคนบอกว่าที่นี่คือนิวซีแลนด์ (ว้าว...)

ปางอุ๋ง

             นอกจากนี้ “ปางอุ๋ง” ยังมีที่พักไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย นั่นคือ...
            - รวมไทยเกสต์เฮาส์ ริมทะเลสาบ มีให้เลือกพัก 4 แบบ คือ เกสต์เฮาส์ขนาดเล็ก และบ้านชนเผ่า ราคา 250 บาท / เกสต์เฮาสขนาดกลาง ราคา 350 บาท / เกสต์เฮาสขนาดใหญ่ ราคา 500 บาท
โทร. 053 - 611244 

             - บ้านพักของโครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) มีบริการให้เช่าเต็นท์  โทร. 080-847-8456,087-661-8594


             - ลุงปาละเกสต์เฮ้าส์ โทร. 08 – 6916 - 8967 และ 08 – 4141 – 2636

การเดินทางไป "ปางอุ๋ง"  
ปางอุ๋ง
 

            แม่ฮ่องสอน – ปางอุ๋ง 

             เดินทางออกจากเมืองแม่ฮ่องสอนไปตามเส้นทาง แม่ฮ่องสอน – ปางมะผ้า - ปาย ประมาณ 10 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกว่าเลี้ยวซ้ายไป บ้านรวมไทย น้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง ซึ่งอยู่บนส้นทางเดียวกัน จากนั้นเดินทางขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านน้ำตกผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง ให้สังเกตุทางแยกซ้ายมือนิดนึงนะคะ เพราะจะมีป้ายเล็กๆ เขียนบอกว่าไป "บ้านรวมไทย" ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ จนถึงหมู่บ้านห้วยมะเขือส้ม ซึ่งจะมีทางแยกรูปตัว T เลี้ยวขวาตรงแยก ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึง "บ้านรวมไทย" หรือ "ปางอุ๋ง" นั่นเอง (ง่ายกว่าที่คิดใช่มั้ยล่า...)            

ปางอุ๋ง


             กรณีที่ไม่ได้ขับรถไปเอง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถทัวร์จาก กทม. - แม่ฮ่องสอน จากนั้นก็ไปที่หน้าตลาด ถามหาคิวรถปางอุ๋ง (คนพื้นที่รู้จักกันทุกคนค่ะ) ซึ่งที่นั่นจะมีรถสองแถวประจำทางขึ้นไปยังปางอุ๋ง (บ้านรวมไทย) ไว้คอยให้บริการค่ะ

             - เที่ยวไป 9.00 น. และ 14.00 น.

             - เที่ยวกลับ 6.00 น. และ 11.00 น.  

             จากบ้านรวมไทยก็ไปต่อที่ "บ้านรักไทย" อีก 6 กิโลเมตร ที่นี่เป็นแหล่งขายใบชาและผลไม้แช่อิ่มขนาดใหญ่ รับรองมีให้เลือกกันอย่างจุใจแน่นอน (ว้าว... อย่างนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว...)

             แล้วเจอกันที่ "ปางอุ๋ง" นะคะ บายๆ ค่า... 

เทย เที่ยว ไทย

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตลาดน้ำชื่อดัง ของเมืองไทย

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตลาดน้ำชื่อดัง ของเมืองไทย

 

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก


ข้อมูลและภาพประกอบโดยกระปุกดอทคอม


             วันหยุดสุดสัปดาห์ที่รอคอย... ฝนตกปรอย ๆ พอให้อากาศเย็นสบาย หลายคนเลือกที่จะนอนอยู่บ้าน หลายคนเลือกที่จะออกท่องเที่ยวโลกกว้างอย่างไม่หยุดนิ่ง... วันนี้เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนตลาดน้ำของเมืองไทยที่ดังไปทั่วโลก นั่นคือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี (ว้าว...) 

             
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม ตลาดน้ำคลองต้นเข็ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯราว 80 กิโลเมตร ในราวปี พุทธศักราช 2409 รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองดำเนินสะดวก ระยะทางกว่า 32 กิโลเมตร เชื่อมแม่น้ำแม่กลองที่บางนกแขวก กับแม่น้ำท่าจีนที่ประตูน้ำบางยาง และมีคลองซอยเล็กๆ มากมาย ทำให้ชาวบ้านในราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร สามารถติดต่อกันทางน้ำได้สะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

             ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อม บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้า ในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมวิถีชีวิต และการค้าขายในตลาดน้ำแห่งแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

              
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนำเที่ยวจัดนำนักท่องเที่ยวมาชมโดยตรงอีกด้วย โดยตลาดน้ำดำเนินสะดวกจะเริ่มค้าขายกันตั้งแต่เช้าตรู่ ไปจนถึงช่วงประมาณ 12.00 นาฬิกา สำหรับสินค้าที่มีให้เลือกซื้อนั้นก็จะมีทั้งของกิน ของใช้ และของที่ระลึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อ มะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ ลิ้นจี่ อาหารเลิศรสที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงสินค้าหัตถกรรม ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ (อย่างนี้ต้องไปพิสูจน์) 
             อย่างไรก็ตาม ที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังมีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย ราคา 300 บาท เรือหางยาว ราคา 600 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน พาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ท่าเรือยุวันดา โทร. 0-3224-1392 และศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอำเภอดำเนินสะดวก โทร. 0-3224-1023, 0-3234-6161 


การเดินทาง

             รถยนต์  จากกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกได้ 2 เส้นทาง คือ

             1. เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อย จะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1  กิโลเมตร 

             2. เดินทางไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตร  เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ผ่านตัวเมืองสมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร  ทางเข้าตลาดน้ำอยู่ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

           
  รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรกออกตั้งแต่เวลา 05.00 นาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ลงรถบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์  จากนั้นสามารถโดยสารรถสองแถวบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ เข้าไปถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นระยะทางอีก 1 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ (ห้องจำหน่ายตั๋วดำเนินสะดวก) โทร. 0-2435-5031 (ห้องจำหน่ายตั๋วราชบุรี) โทร. 0-2435-5036
             นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกับรถโดยสารสายอื่นได้ เช่น สายกรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี (สายเก่า) แล้วลงตรงสี่แยกบางแพ ต่อจากนั้นต่อรถสองแถวซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีรถออกทุก 10 นาที 


            
... เที่ยวเมืองไทย ใกล้กรุงเทพฯ เที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกนะคะ... 

งานเทศกาลท่องเที่ยว ดอกกระเจียวบาน

เทศกาลดอกกระเจียวงาม

ทุ่งดอกกระเจียว

ทุ่งดอกกระเจียว
ทุ่งดอกกระเจียว
ทุ่งดอกกระเจียว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท. และ คุณ ซิมเปิ้ลแมน

          จังหวัดชัยภูมิ ขอเชิญร่วมงาน "หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว" ในเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ปี 2555 ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2555 ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และบริเวณอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ

          โดยภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการต่าง ๆ การแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ชมทุ่งดอกกระเจียว การจำหน่ายสินค้า OTOP กิจกรรมปีนหน้าผา, ชมวิวสุดแผ่นดิน ชมทุ่งบัวสวรรค์และลานหินงาม

 เอาล่ะ!! ไหน ๆ เราก็มาท่องเที่ยวงานเทศกาลทุ่งดอกกระเจียวบานกันแล้ว งั้นเรามาทำความรู้จักกับสถานที่จัดงานอย่าง อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง กันหน่อยดีไหม ว่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวไหนที่น่าสนใจอีกบ้าง... 
ทุ่งดอกกระเจียว

ทุ่งดอกกระเจียว

ทุ่งดอกกระเจียว

          เริ่มกันที่ "อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม" เดิมรู้จักกันในชื่อ "ป่าเทพสถิต" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวดั้งเดิมของจังหวัดชัยภูมิ อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ มีสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียว มีพื้นที่ประมาณ 112 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 70,000 ไร่
           สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามใน "อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม" มีมากมาย ได้แก่...
"ทุ่งดอกกระเจียว" กระเจียวเป็นพืชล้มลุกประเภทหัว พบเป็นพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย ณ แห่งนี้ ปกติจะพบขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน 1 กิโลเมตร ดอกกระเจียวจะขึ้นและบานเป็นสีชมพูอมม่วงในช่วงต้นฤดูฝนเท่านั้น คือ เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี
ทุ่งดอกกระเจียว

"ลานหินงาม" เป็นลานหินที่มีรูปร่างแปลกในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เกิดจากการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน มองดูสวยงามเป็นที่อัศจรรย์ (รูปแปลก ๆ ไปตามจินตนาการ) สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีทางรถยนต์เข้าถึง
ทุ่งดอกกระเจียว

"จุดชมวิวสุดแผ่นดิน" เป็นหน้าผาสูงชันและเป็นจุดที่สูงสุดของเทือกเขาพังเหย ซึ่งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม (846 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ซึ่งเกิดจากการยกตัวของพื้นที่เป็นที่ราบสูงภาคอีสาน จึงเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางกับภาคอีสาน ทำให้เรียกบริเวณนี้ว่า "สุดแผ่นดิน" ณ จุดนี้จะเห็นทิวทัศน์ของสันเขาพังเหย และเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จุดชุมวิวนี้อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

          ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตู้ ปณ. 2 ปทจ.เทพสถิตย์ อ.เทพสถิตย์ จ.ชัยภูมิ 36230 โทรศัพท์ 08-1307-1673


ทุ่งดอกกระเจียว

          ต่อกันที่ "อุทยานแห่งชาติไทรทอง" ตั้ง อยู่ที่อำเภอหนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ครอบคลุมพื้นที่ป่าบนเทือกเขาพังเหย ในอำเภอหนองบัวระเหว เทพสถิต ภักดีชุมพล และหนองบัวแดง มีเนื้อที่ 319 ตารางกิโลเมตร เป็นป่าต้นน้ำลำธารของลำห้วยหลายสาย ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำชี อย่างไรก็ตาม ที่นี่นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม โดยภายในเขตอุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ...

"น้ำตกไทรทอง" ห่างจากที่ทำการ 1 กิโลเมตร ไปตามทางรถยนต์และเดินเท้าอีก 400 เมตร เป็นน้ำตกชั้นเตี้ย ๆ สูงเพียง 5 เมตร แต่มีความกว้างประมาณ 80 เมตร ด้านหน้าเป็นแอ่งน้ำใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้ เหนือน้ำตกมีวังน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า วังเงือก สายน้ำไหลไปตามแก่งหินที่ลาดต่ำลงที่ละน้อย มีความยาวไม่ต่ำกว่า 100 เมตร

"น้ำตกชวนชม" อยู่เหนือน้ำตกไทรทองไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 2 กิโลเมตร น้ำตกมีความสูง 20 เมตร รอบบริเวณมีต้นไม้ร่มรื่น

"ผาพ่อเมือง" เป็นแนวหน้าผาตามสันเขาพังเหยด้านตะวันตก ตามเส้นทางขึ้นสู่ทุ่งบัวสวรรค์ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700 - 900 เมตร มองลงไปเป็นตัวอำเภอภักดีชุมพล และเทือกเขาพญาฝ่อ ที่กั้นระหว่างจังหวัดชัยภูมิกับจังหวัดเพชรบูรณ์

"ผาหำหด" ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นสันเขาตรงจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย สูงจากระดับน้ำทะเล 864 เมตร เป็นจุดชมวิวมองเห็นทิวทัศน์สวยงาม และมีชะง่อนหินยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นจุดที่ถ่ายภาพได้สวยงาม แต่ก็แอบแฝงไปด้วยความน่าหวาดเสียว

"ทุ่งบัวสวรรค์" หรือ ทุ่งดอกกระเจียว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กิโลเมตร ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม ต้นกระเจียวจะออกดอกสวยงามเต็มทุ่ง มีทั้งดอกสีชมพูและสีขาว นอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – มกราคม บริเวณนี้จะมีพรรณไม้จำพวกดุสิตา สร้อยสุวรรณา กระดุมเงิน กระดุมทอง ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณ การเดินทางไปทุ่งดอกกระเจียวสามารถขับรถหรือเช่ารถกระบะจากที่ทำการอุทยานฯ ไปยังลานจอดรถและลานกางเต็นท์ ระยะทาง 9 กิโลเมตร ค่าเช่ารถคันละ 500 บาท และจากนั้นเป็นเส้นทางเดินเท้าผ่านผาพ่อเมือง ผาหำหด ผาเพลินใจ ทุ่งบัวสวรรค์ 2 (ดอกกระเจียวสีชมพู) ทุ่งดอกกระเจียวขาว ผาอาทิตย์อัสดง ตามลำดับ ระยะทางเดินเท้าจากลานจอดรถไปผาหำหด 300 เมตร และไปทุ่งบัวสวรรค์สีชมพูและสีขาว เป็นระยะทางอีก 1,300 เมตร และ 700 เมตร ตามลำดับ ช่วงที่มีดอกกระเจียวเป็นช่วงฤดูฝน นักท่องเที่ยวควรเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวไปด้วยนะคะ

"จุดชมวิวเขาพังเหย" อยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 (ชัยภูมิ - นครสวรรค์) ประมาณกิโลเมตรที่ 70 เป็นที่แวะพักรถยนต์และชมทิวทัศน์ของผืนป่า และแนวสันเขาสลับซับซ้อนของเขาพังเหย เมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นที่ราบภาคกลางในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นบริเวณ กว้าง โดยเฉพาะในช่วงยามเย็นที่พระอาทิตย์อัสดงจะสวยงามมาก

         
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรทอง ตู้ ปณ. 1 อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ 36230 โทรศัพท์ 08-9282-3437 หรือที่ Dnp.go.th   
          ... เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้... แล้วอย่าลืมไปเที่ยวงานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2555 กันนะคะ
ทุ่งดอกกระเจียว
 
 การเดินทาง

1. รถยนต์ส่วนตัว

           จากกรุงเทพฯ เดินทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรีไปยังสามแยกพุแค แล้วเลี้ยวขวา ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ไปยังบ้านลำนารายณ์ จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205 เส้นทางลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพสถิต-หนองบัวโคก-นครราชสีมา เดินทางจากบ้านลำนารายณ์ประมาณ 48 กิโลเมตร ก่อนถึงที่ทำการอำเภอเทพสถิตประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปอำเภอหนองบัวระเหว ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2354 ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านไร่ ใช้ระยะทางอีกประมาณ 14 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยาน จะมีป้ายบอกตลอดทาง

2. รถโดยสารประจำทาง

           จากกรุงเทพมหานคร (สถานีขนส่งหมอชิต 2)

           - สายกรุงเทพฯ - ชัยภูมิ หมายเลข 9909 ผ่านอำเภอเทพสถิต (ลงปลายทาง ที่สามแยกบ้านไร่) แล้วขึ้นรถ โดยสารประจำทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติป่าหินงามอีก 18 กิโลเมตร เป็นรถของบริษัทแอร์ชัยภูมิ จำกัด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง เป็นรถปรับอากาศ เที่ยวแรก 10.00 น. บริษัทแอร์ชัยภูมิ โทรศัพท์ 0-4481-1556

           - สายกรุงเทพฯ - ชัยภูมิ หมายเลข 28 (ลงปลายทางที่หนองบัวโคก) แล้วขึ้นรถโดยสารประจำทางต่อไปยัง อำเภอเทพสถิต (ท่ารถวะตะแบก) อีก 54 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง รถออกทุกชั่วโมง มีบริการเดินรถ สายกรุงเทพฯ- เทพสถิต – ชัยภูมิ

3. รถไฟ

           ติดต่อขอรถไฟจากสถานีรถไฟหัวลำโพง กทม. ผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ถึงสถานีรถไฟวะตะแบก (เทพสถิต) จากนั้นเดินทางต่อโดยรถโดยสาร ระยะทาง ประมาณ35 กิโลเมตร เพื่อไปสู่อุทยานป่าหินงาม สอบถามเพิ่มเติม การรถไฟแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 1609, 0-2223-7010, 0-2223-7020

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 

          สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0-4482-2502
          องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0-4481-1376
          อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทรศัพท์ 0-4489-0105
          อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทรศัพท์ 08-282-3437, 08-1877-8485 ในวันเวลาราชการ 
          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 โทรศัพท์  0-4421-3030, 0-4421-3666 โทรสาร 0-4421-3667 ทุกวันในเวลาราชการ