ไปเที่ยวหนองคายค่ะ

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยว แดนวรมันต์ ตลาดนัดช่องจอม จ.สุรินทร์

มนต์แคน แก่นคูณ

สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรม



นอกจากแหล่งท่องเที่ยวสวยงามที่มีความหลากหลาย ทั้งแหล่งธรรมชาติ ดินแดนประวัติศาสตร์ และพื้นที่สำหรับกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนกับสารพันกิจกรรมสุดท้าทายแล้ว เมืองไทยยังมีเทศกาลและงานประเพณีหมุนเวียนมาให้ได้สนุกสนานตื่นตาตื่นใจกันตลอดปี ความอลังการและสีสันของเทศกาลงานประเพณีของไทยสะท้อนภาพความสมบูรณ์ วิถีวัฒนธรรม และการก้าวตามความเจริญของโลกได้อย่างน่าภาคภูมิ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลศิลปวัฒนธรรม ประเพณีพื้นบ้าน ศิลปะสมัยใหม่ สีสันไม้ดอกไม้ประดับ ขบวนบุปผชาติ มหกรรมอาหารรสเลิศ การแข่งขันกีฬาระดับชาติ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ สัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหกรรมสินค้าราคาสุดคุ้ม เทศกาลเที่ยวไทยในฤดูกาลต่างๆ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนรวบรวมของดีในเมืองไทยมาไว้ในงานเดียวได้อย่างน่าทึ่ง สมกับสโลแกน Amazing Thailand ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกเลยทีเดียว



มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่ 27 ประจำปี 2555
ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์,ท่องเที่ยวเชิงเกษตร
1 สิงหาคม 2555 - 31 สิงหาคม 2555
ข้อมูลการติดต่อ ททท.
    สำนักงานเทศบาลนครยะลา  โทรศัพท์  0-7322-3666,
    0-7321-4898
    Tel. 073-522-411
หมวดหมู่ ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์,ท่องเที่ยวเชิงเกษตร
สอบถามข้อมูลและขอรายละเอียดเพิ่มเติม
การแข่งขันนกเขาชวา ประเภทเสียงเล็ก กลาง ใหญ่ ดาวรุ่ง  ประเภทรวมเสียง ประเภทดาวรุ่ง และนกเขาใหญ่
สถานที่จัดงาน : สนามสวนขวัญเมือง และสนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
** กำหนดการจัดงานอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทาง **




งานนมัสการหลวงพ่อศรีและวันของดีห้วยแถลง
ประเพณี และกิจกรรมทางศาสนา
26 กรกฎาคม 2555 - 28 กรกฎาคม 2555
ข้อมูลการติดต่อ -
    วัดอุทัยมัคคารามและโรงเรียนบ้านหินดาด อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา
    Tel. +66 4495 0438
หมวดหมู่ ประเพณี และกิจกรรมทางศาสนา
สอบถามข้อมูลและขอรายละเอียดเพิ่มเติม
  จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา สนับสนุนการประชาสัมพันธ์โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานนครราชสีมา ขอเชิญ ทุกท่านร่วม งานนมัสการหลวงพ่อศรี และวันของดีห้วยแถลง ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 ระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2555 ณ วัดอุทัยมัคคารามและโรงเรียนบ้านหินดาด อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา

  “หลวงพ่อศรี มัดหมี่สวย กล้วยน้ำว้า แหล่งปลูกงา ขาหมูใหญ่ ไก่อบฟาง” ตามคำขวัญที่สวยงามของ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในอำเภอที่มีของดีไม่แพ้อำเภอไหนๆ ในประเทศไทย หลวงพ่อศรี หรือ พระพุทธศรีพิทักษ์ชน เป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดี รศ.1100 อายุกว่า 2,000 ปี ปางนาคปรกทำด้วยหินละเอียดเนื้อสีเขียว เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวตำบลหินดาด อำเภอห้วยแถลง หลวงพ่อศรีชื่อเดิมไม่ปรากฏ แต่ชาวบ้านได้มาตั้งชื่อขึ้นเองใหม่ภายหลังได้มาเมื่อปี พ.ศ. 2507 
นายสุหฤทธิ์ ชาญวนังกูร ผอ.ททท.สนง.นครราชสีมา เผยว่า ในพื้นที่อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่มีของดีไม่แพ้ที่อื่น สำหรับการจัดงานที่มีความสวยงามตามวิถีชีวิตชุมชน ตามความศรัทธาและความเชื่ออันจะส่งผลบุญให้เกิดแก่ชีวิต...งานนมัสการหลวงพ่อศรี และวันของดีห้วยแถลง ที่กำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ จะได้นำไปสู่ความเป็นนิมิตรหมายอันดีในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่และยังจะสามารถเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวไปได้อย่างทั่วถึง
  สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น อาทิ ชมสุดยอดขบวนแห่จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ย้อนรอย อดีตกาลและเข้านมัสการหลวงพ่อศรี เพื่อเป็นศิริมงคล อีกทั้งความสวยงามของชุดการแสดง แสง สี เสียง “สืบสานตำนานหลวงพ่อศรี” (ในวันที่ 26 ก.ค. 2555 เวลา ประมาณ 18.30 น.) การแสดงดนตรีจากนักเรียนโรงเรียนต่างๆ การแสดงและการแข่งขันผลิตผลทางการเกษตร อาทิ กล้วยน้ำว้า มะพร้าวน้ำหอมและพืชผักสวนครัว เป็นต้น ชมและเลือกซื้อสินค้า OTOP ของดีอำเภอห้วยแถลง พร้อมให้ร่วมสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยการแต่งชุดพื้นเมือง /ชุดผ้าไทย ได้ตลอดงาน 
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
สำนักปลัดเทศบาลตำบลหินดาด  โทร. 0 4495 0438 www.hindadcity.go.th  หรือที่ ททท. สำนักงานนครราชสีมา  โทร. 0 4421 303, 0 4421 3666 
www.tourismthailand.org/nakhonratchasima www.facebook.com/tat.korat E – Mail :tatsima@tat.or.th             






เขาใหญ่

เขาใหญ่
จุดชมวิว เขาใหญ่
      ณ ที่เขาใหญ่ ในช่วงฤดูหนาวปีนี้ หากมีโอกาสใช้วันหยุดยาว สัก 2-3 วันนอนพัก ในโรงแรมเขาใหญ่ นั่งจิบกาแฟหน้าระเบียงห้องพักในยามเช้า พอตกบ่ายขับรถเปิดกระจกไปตามถนนธนะรัตน์ จนขึ้นเขาใหญ่คงจะดีไม่น้อย
      หน้าหนาวปีนี้ มีลูกค้าโทรถามทางบริษัทไทยทัวร์ เกี่ยวกับเขาใหญ่ และปาย เยอะมาก นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังแสวงหาความเป็นธรรมชาติจากขุนเขา ซึ่งเขาใหญ่ ห่างจากกรุงเทพไม่มากนัก  เพียง 3  ชั่วโมงเท่านั้น  อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นี้ใหญ่สมชื่อจริง ๆ เพราะว่าครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ด้วยกัน คือ สระบุรี นครนายก นครราชสีมา และปราจีนบุรี  มีเนื้อที่ถึง 1 ล้าน 3 แสนกว่า ไร่
      เขาใหญ่นี้นับเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก และเป็นป่าที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นป่าดงดิบชื้น และมีพืชพรรณที่หลากหลายและมีน้ำตกมากกว่า  20  แห่ง   เส้นทางเดินป่าบนเขาใหญ่ก็มีถึง 13 เส้นทาง ด้วยกัน แต่ว่าแต่ละเส้นทางก็มีความยากง่าย ระยะทางและเวลาการเดินทางที่ต่างกันด้วย แต่ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางครับ สำหรับนักเดินป่ามือใหม่ ท่านสามารถติดต่อกับทางอุทยานเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำทางได้
      และเมื่อเดินทางขึ้นเขาใหญ่แล้ว เราจะได้พบกับธรรมชาติที่สัมผัสได้จริงสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณนานาชนิด  หลายคนอาจคิดว่าการมาเที่ยวป่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่าการดูต้นไม้ใบหญ้า แต่ถ้าลองได้สังเกตคุณก็จะได้พบกับ ต้นไม้บางชนิดที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ความสดใสของพืชพันธุ์ต่างๆ สายหมอกยามเช้า ดอกไม้ป่านานาชนิด บางชนิดออกดอกเฉพาะหน้าหนาวนี้เท่านั้น เสียงนกร้องก้องไพร สายน้ำตกที่หลั่งไหลกระแทกก้อนหิน เนื่องจากเขาใหญ่เป็นป่าดงดิบชื้นส่วนใหญ่ จึงมีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ตลอดปี แม้ฤดูหนาวนี้
      ที่เขาใหญ่นี้ จุดชมวิวบนเขาใหญ่ก็มีด้วยกันหลายจุด เช่น จุดชมวิวโป่งช้าง และบริเวณทุ่งหญ้ามอสิงโตซึ่งทุ่งหญ้ามอสิงโตนี้จะสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำได้ชัดเจน โดยบริเวณจุดชมวิวแต่ละที่ก็สามารถเดินทางโดยเส้นทางเดินป่าและสามารถใช้ถนนโดยขับรถขึ้นไปก็ได้
      หากโชคดีคุณอาจเจอช้างป่าออกมาเดินริมถนน เหมือนผม แต่ที่สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีก็คือน้ำตกบนเขาใหญ่ ที่ใครได้เห็นก็มีแต่ความประทับใจกับความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น  น้ำตกบางแห่งสามารถเข้าชมได้ง่าย เพราะมีเส้นทางเดินเข้าไปถึง ได้แก่  น้ำตกเหวสุวัต  ที่เป็นที่นิยมมาก  น้ำตกเหวไทร  น้ำตกเหวประทุน  น้ำตกกองแก้ว น้ำตกเหวนรก และ เหวอีอ่ำ ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีจากข่าวเมื่อหลายปีก่อน
      นอกจากการเดินป่าชมวิว ชมน้ำตกแล้ว การขี่จักรยานเมาน์เทนไบค์ก็กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะท่านสามารถชมธรรมชาติที่สวยงามไปพร้อมกับการออกกำลังกายคู่กันด้วย อีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กันในตอนนี้ก็คือการส่องสัตว์เวลากลางคืน เพราะสัตว์ป่าบางชนิดก็ออกหากินเวลากลางคืน เช่น กวาง และช้าง แต่กิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับทางอุทยานนะคะเพราะว่าไปเองคงไม่ดีแน่ และทางอุทยานคงไม่ให้เดินทางเอง
      เรื่องที่พักอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นห่วง  ถ้าใครสะดวกที่จะกางเต็นท์นอนอยู่กันแบบลุย ๆ  ทางอุทยานมีบริเวณไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจะกางเต็นท์นอนกัน   แต่ถ้าใครไม่ชอบลุยอยากพักแบบสบาย ๆ  ก็ขอแนะนำให้พักที่รีสอร์ท บริเวณเชิงเขาซึ่ง บนถนนธนะรัตน์
น้ำตกผากล้วยไม้ฝูงช้าง บังเอิญผมได้พบเข้าระหว่างเดินทางน้ำตกเหวสุวัต
ที่มา http://www.xn--22cw3g1a2eua1b.net/

ทุ่งกุลาร้องไห้

ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นทุ่งกว้างใหญ่ของภาคอีสาน มีอาณาเขตครอบคลุมถึง 5 จังหวัด คือ ในแนวทิศเหนือนั้นครอบคุลมอำเภอปทุมรัตน์อำเภอเกษตรวิสัย และอำเภอสุวรรณภูมิ ของจังหวัดร้อยเอ็ด ในแนวทิศใต้มีลำน้ำมูลทอดยาวตลอดพื้นที่อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในแนวทิศตะวันตกผ่านอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธรและอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยของจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ประมาณ 3 ใน 5 นั้น อยู่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดทุ่งกุลารอ้งไห้มีเนื้อที่กว้าง 2,107,681 ไร่ สาเหตุที่ทุ่งกว้างแห่งนี้ได้ชื่อว่าทุ่งกุลาร้องไห้นั้น ก็ด้วยมีเรื่องเล่ากันว่าพวกกุลาซึ่งเป็นพวกที่เดินทางค้าขายระหว่างเมืองต่าง ๆ ในสมัยโบราณได้ชื่อว่าเป็นนักต่อสู้ คือ มีความเข้าแข็งอดทนเป็นเยี่ยมแต่เมื่อพวกกุลาเดินทางมาถึงทุ่งนี้ ได้รับความทุกข์ยากเป็นอันมากจนถึงกับร้องไห้ เพราะตลอดทุ่งนี้ไม่มีน้ำหรือต้นไม้ใหญ่เลย ฤดูแล้งแผ่นดินก็แห้งแตกระแหง ปัจจุบันทุ่งอันกว้างใหญ่นี้ได้รับการพัฒนาจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ บางแห่งก็ทำการเกษตรกรรม บางแห่งก็ใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ซึ่งนับแต่จะมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ ศูนย์พัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ห่างจากที่ว่าการอำเภอสุวรรณภูมิ 6 กิโลเมตร เลยกู่พระโกนาไปเล็กน้อยครับ
มุมภาพจากทางบ้าน ทุ่งกุลาร้องไห้

ที่มา: http://travel.sanook.com

หนาวนี้ไปเที่ยวกัน

  เมื่อสายฝนผ่านไป ลมหนาวก็เริ่มพัดโชยเข้ามากระทบผิวกาย พร้อมกับใจที่นึกไปถึงที่เที่ยวหน้าหนาว ยอดดอยสูงเสียดฟ้า ทะเลหมอกขาวโพลนห่อหุ้มขุนเขาสลับซับซ้อน โอบล้อมด้วยเมฆจาง ๆ ...

          เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากออกไป ที่เที่ยวหน้าหนาว โลดแล่นสัมผัสความงามของธรรมชาติที่ปาย ปางอุ๋ง น่าน เชียงคาน เชียงใหม่ เชียงราย เขาใหญ่ ภูกระดึง ภูชี้ฟ้า ภูทับเบิก ดอยอินทนนท์ ห้วยน้ำดัง ดอยอ่างขาง ดอยตุง ดอยปุย ทองผาภูมิ ภูเรือ เขาค้อ น้ำหนาว วังน้ำเขียวฯลฯ 

          แต่จริง ๆ แล้วในประเทศไทย ยังมี ที่เที่ยวหน้าหนาว แจ่ม ๆ ไว้รอต้อนรับนักเดินทาง ไปยืนรับลมท้าทายความหนาวเย็นอีกเพียบ! เพราะฉะนั้น ใครที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดยาวอย่าง คริสต์มาส และ ปีใหม่ จะไปท่องเที่ยวที่ไหนดี วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำ ที่เที่ยวหน้าหนาว ที่สวยงามไม่แพ้ใครมาแนะนำกัน แต่เราจะพาไปชม ที่เที่ยวหน้าหนาว ที่ไหนบ้างนั้น อยากรู้ตามเข้าไปดูเลย ...



ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยเชียงดาว

 ดอยเชียงดาว 

          อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ยอดสูงสุดของดอยเชียงดาว เรียกว่า ดอยหลวงเชียงดาว (เพี้ยนมาจากคำที่ชาวบ้านในละแวกเปรียบเทียบดอยนี้ว่าสูง เพียงดาว) มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนรูปกรวยคว่ำสูง 2,195 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และผ้าห่มปก จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบ ๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือ ทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบอากาศเย็น ลมแรง และสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่า ภูเขาที่หาชมได้ยากมากมายรวมทั้งนกและผีเสื้อด้วย (ไม่เหมาะที่จะขึ้นไปยืนบนยอดดอยทีละกลุ่มใหญ่ ๆ เพราะจะไปเหยีบย่ำทำลายพรรณไม้บนนั้นได้แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม)

          การเข้าไปใช้พื้นที่ต้องทำหนังสือขออนุญาต ถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง รายละเอียด โทรศัพท์ 0 2561 2947

          การเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวเริ่มที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถติดต่อคนนำทาง ลูกหาบ รวมทั้งรถไปส่งที่จุดเริ่มเดินได้ โดยค่าเช่ารถประมาณ 900 บาท ค่าจ้างลูกหาบประมาณวันละ 300 บาทต่อลูกหาบหนึ่งคน บนดอยเชียงดาวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวไปด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอน อาหาร และน้ำ ส่วนเส้นทางลงนิยมใช้ทางสายบ้านถ้ำซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำเชียงดาว เพราะมีทางสูงชันสามารถลงได้รวดเร็วกว่าแต่ไม่เหมาะกับการขึ้น

 ดอยสอยมาลัย 

          ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น จ.ตาก และ จ.เชียงใหม่ สภาพเป็นป่าสนเมืองหนาว สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,600 เมตร มีจุดชมวิว และชมทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงาม สิ่งที่น่าสนใจคือ สลาแมนเดอร์ หรือจิ้งจกน้ำ สัตว์น้ำดึกดำบรรพ์ที่หายาก ลักษณะเหมือนจิ้งจก ลำตัวสีชมพู 

          ทั้งนี้ ก่อนขึ้นไปพิชิต ดอยสอยมาลัย ได้นั้น ต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้ง เหตุเพราะถือว่าเป็นเขตที่มีความเปราะบางทางพันธุกรรมสูง ดังนั้น การขอเข้าใช้พื้นที่จึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งช่วงปลายฝนต้นหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม เป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้บริเวณที่ทำการฯ โดยจะต้องขออนุญาตที่หน่วยพิทักษ์ป่ากิ่วสามล้อ ซึ่งสามารถกางเต้นท์พักแรมได้ด้วยกัน 3 จุด คือ หน่วยต้นน้ำเขื่อนภูมิพล ห่างจากยอดดอยประมาณ 5 กิโลเมตร, บริเวณยอดดอย (จุดสูงสุด) และ หน่วยจัดการต้นน้ำ กรมป่าไม้ เลยยอดดอยไปประมาณ 5 กิโลเมตร

          การเดินทาง จากหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าไป อ.บ้านตาก 22 กิโลเมตร เลี้ยวซ้านเข้า อ.บ้านตาก ไปข้ามแม่น้ำปิง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1175 ประมาณ 45 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท.สำนักงานตาก โทรศัพท์ 0 5551 4341-3 ระหว่างทางมีแหล่งท่องเที่ยวสำคญ ได้แก่ หลวงพ่อทันใจ เจดีย์พระบรมธาตุประจำปีเกิด ปีมะเมีย ที่วัดพระบรมธาตุ, เจดีย์ยุทธหัตถี และวัดพระพุทธบาทดอยโล้น


ยอดเขาโมโกจู
ที่เที่ยวหน้าหนาว ยอดเขาโมโกจู

ยอดเขาโมโกจู
ที่เที่ยวหน้าหนาว ยอดเขาโมโกจู

 ยอดเขาโมโกจู 

          เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และสูงที่สุดในผืนป่าตะวันตก ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 27 กิโลเมตร เป็นยอดเขาที่นักนิยมการท่องเที่ยวแบบเดินป่า ปีนเขา ต้องการที่จะไปเยือนสักครั้ง ด้วยความสูง 1,964 เมตร คำว่า "โมโกจู" เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก เนื่องจากบนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอก และมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา 

          ผู้สนใจจะไปสัมผัสยอดเขาโมโกจู ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพราะทางเดินขึ้นเขามีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 5 วัน และต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้น ควรศึกษาสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ซึ่งเปิดให้เดินขึ้นยอดเขาโมโกจูในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี  

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อ.คลองลาน  จ.กำแพงเพชร 62180 โทรศัพท์ 0 5576 6027, 0 5576 6436 โทรสาร 0 5576 6436 อีเมล mokochu@hotmail.com, iammokochu@yahoo.com

 ดอยแม่สลอง 

          เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อบ้านแม่สลองนอก เป็นชุมชนผู้อพยพจากกองพล 93 จากสหภาพพม่าเข้ามาในเขตไทย จำนวนสองกองพันคือ กองพันที่ 3 เข้ามาอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองพันที่ 5 อยู่ที่บ้านแม่สลองนอก ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นซากุระพันธุ์ที่เล็กที่สุด สีชมพูอมขาวจะบานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง เป็นพันธุ์ไม้ที่หาชมได้ยากในเมืองไทย เพราะเจริญเติบโตอยู่แต่เฉพาะในภูมิอากาศหนาวจัดเท่านั้น

          จุดน่าสนใจบนดอยแม่สลอง ได้แก่ ชมไร่ชาและศึกษาวิธีการผลิตชา ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านเจียงจาใส และอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ประเทศไทย ศึกษาเรื่องราว ประวัติของชาวดอยแม่สลอง มีไกด์นำชม เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท โทร. 0 5376 5170, 0 5376 5180 ศูนย์ประสานงานนำเที่ยวชุมชุน HOMESTAY และกางเต็นท์ โทรศัพท์ 0 5371 0024, 08 5038 6362 อบต.แม่สลองนอก โทรศัพท์ 0 5376 5129

          การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก (ทางขวาไปหมู่บ้านเทิดไทย) ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองใ ห้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงรายไปต่อรถสองแถว ที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง โทรศัพท์ 08 1024 0813 (ค่ารถคนละ 50 บาท เหมา 400 บาท ไป-กลับ 800 บาท)

 ดอยลังกา 

          มีความสูง 2,000 เมตร สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย ทำให้มองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของอุทยานแห่งชาติ มีเส้นทางเดินป่าใช้เวลาเดินป่า 4 วัน 3 คืน การเดินป่าในอุทยานแห่งชาติขุนแจต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง และต้องเตรียมอุปกรณ์ค้างแรมมาเอง 

         เดือนพฤศจิกายน-มีนาคมเป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว ผู้สนใจเดินป่าและพักค้างแรมติดต่อได้ที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย 57260 โทรศัพท์ 0 5316 3364, 08 4489 2173 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760 www.dnp.go.th


ดอยฟ้าห่มปก
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยฟ้าห่มปก

 ดอยฟ้าห่มปก 

          อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก และเปลี่ยนชื่อเป็นอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกในปัจจุบ้น มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 524 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนของทิวเขาผีปันน้ำ มีความสูงตั้งแต่ 400-2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเล สภาพป่าส่วนใหญ่ยังสมบูรณ์อยู่มาก มีดอยสำคัญ ได้แก่ ดอยฟ้าห่มปก, ดอยปู่หมื่น, ดอยแหลม และดอยอ่างขาง 

          สำหรับ ดอยฟ้าห่มปก คือหนึ่งในเทือกเขาแดนลาวที่ทอดตัวยาว ตั้งแต่ทางตอนใต้ของยูนนานลงมาแบ่งชายแดนไทย-พม่า ตั้งแต่เชียงรายไปจนถึงแม่ฮ่องสอนจนไปจรดกับเทือกเขาถนนธงชัย นักท่องเที่ยวตั้งแค้มป์พักแรมได้ตรงบริเวณกิ่วลม เนื่องจากทางอุทยานแห่งชาติไม่อนุญาตให้พักแรมบนยอดดอยฟ้าห่มปก ซึ่งเป็นหน้าผาชันและอาจเกิดอันตรายได้ การเดินทางขึ้นยอดดอยฟ้าห่มปกต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน 

          ก่อนเดินทางควรติดต่อขออนุญาต ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง ค่าเช่ารถขึ้นจากอุทยานไปส่งที่ทางขึ้นดอยไปส่ง-รับประมาณ 1,500 บาท สอบถามรายละเอียดที่อุทยานฯ โทร. 0 5345 1441 ต่อ 302, 0 5345 3517-8 อย่างไรก็ตาม จะเดินทางขึ้นสู่จุดยอดดอยฟ้าห่มปกนั้น ต้องเตรียมตัวอย่างดีเพราะต้องเดิน ป่าปีนเขาอย่างสมบุกสมบันและที่นี่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ นักท่องเที่ยว ต้องเตรียมไปเอง 


ดอยฟ้าห่มปก
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยฟ้าห่มปก

          ส่วนค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ก่อนการเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวควรมีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ โดยดูได้จากเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช www.dnp.go.th และแนะนำนักท่องเที่ยว ที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ที่มีการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ ให้ติดต่อสอบถาม หรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้าก่อนการเดินทางที่ อุทยานแห่งชาติโดยตรงได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5345 3517-8 ตลอด 24 ชั่วโมง

          การเดินทาง ไปอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก จากเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ถึงตัวเมืองฝางตรงไปจนพบสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไป 9 กิโลเมตร มีป้ายบอกทางชัดเจนตลอดทาง เป็นถนนลาดยาง จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติฯ และมีรถประจำทางปรับอากาศของ บริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชน ระหว่างกรุงเทพ-ฝาง, เชียงใหม่-ฝาง เมื่อถึง อ.ฝาง จะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก อีกประมาณ 10 กิโลเมตร

          สถานที่ติดต่อ อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก ตู้ปณ.39 ต.โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 50110 โทรศัพท์ 0 5345 3517-8 ต่อ 104 หรือติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 2562 0760 หรือสำรองที่พักด้วยตนเองที่ http://www.dnp.go.th ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติจะทำการปิดบริเวณยอดดอยผ้าห่มปก ระหว่างวัน 1 กรกฎาคม - 30 กันยายนของทุกปี

 ดอยผาตั้ง 

          ตั้งอยู่ใกล้ทางหลวงหมายเลข 1093 กิโลเมตรที่ 89 เป็นจุดชมวิวไทย-ลาว มีความสูง   1,635 เมตร และเที่ยวชมทะเลหมอกได้ตลอดปี ในเดือนธันวาคมถึงมกราคม มีดอกซากุระบานและเดือนกุมภาพันธ์ มีดอกเสี้ยวบานสะพรั่งงดงาม เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล และชา

          การเดินทาง จากจังหวัดเชียงราย ใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย-บ้านต้า ทางหลวงหมายเลข 1233, 1173 และ 1152 ระยะทาง 50 กิโลเมตร บ้านต้า-บ้านท่าเจริญ ทางหลวงหมายเลข 1020 ระยะทาง 45 กิโลเมตร บ้านท่าเจริญ-เวียงแก่น-ปางหัด ทางหลวงหมายเลข 1155 ระยะทาง 17 กิโลเมตร และปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กิโลเมตร จุดชมวิวช่องผาบ่อง สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงทอดตัวคดเคี้ยวในฝั่งลาว  หากเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจะถึงจุดชมวิว 103

          สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน บนดอยผาตั้งมีบริการมัคคุเทศก์น้อย โรงเรียนบรรพตวิทยา โทรศัพท์ 08 1287 5325, 08 4363 4170 ที่พัก สถานที่กางเต็นท์และร้านอาหาร จุดบริการนักท่องเที่ยวดอยผาตั้ง โทรศัพท์ 0 5391 8301 หรือ องค์การบริหารส่วนตำบลปอ โทรศัพท์ 0 5371 0300, 0 5391 8265
 

ดอยเสมอดาว
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยเสมอดาว

ดอยเสมอดาว
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยเสมอดาว

 ดอยเสมอดาว 

          "ดอยเสมอดาว" อยู่ในอาณาบริเวณของ "อุทยานแห่งชาติศรีน่าน"เป็น จุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นและตก ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาของแม่น้ำน่านตอนใต้ ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยงวง ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล 3 อำเภอ คือ ตำบลส้าน และตำบลน้ำมาบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ และตำบลสถาน อำเภอนาน้อย ตำบลบ่อแก้ว และตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน

          อุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่ประมาณ 934 ตารางกิโลเมตร หรือ 583,750 ไร่ เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีความสูงต่างกันหลายระดับ จึงทำให้มีสภาพป่าหลายชนิด เช่น ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าสน ป่าเบญจพรรณ และ ป่าเต็งรัง สัตว์ป่า ที่พบมี ช้าง วัวแดง กระทิง ซึ่งสัตว์ทั้ง 3 ชนิดนี้จะอพยพข้ามไปมาในเขตติดต่อระหว่างประเทศไทยและลาว นอกจากนี้ยังมีหมี เลียงผา กวาง เก้ง เสือ หมูป่า หมาป่า กระจง อีเห็น ไก่ฟ้า ตะกวด เต่า นกยูง นกนานาชนิดและงูชนิดต่าง ๆ

ดอยเสมอดาว
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยเสมอดาว

          แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ จุดชมวิวดอยเสมอดาวและผาหัวสิงห์ เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและตกยามเย็น ซึ่งท่านสามารถมองเห็นได้รอบทิศทาง เห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำน่านที่ทอดยาวในหุบเขา และเห็นยอดผาชู้ที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ข้างหน้า และสามารถมองเห็นตัวเมืองนาน้อย ไร่ นา ของชาวบ้าน

          สิ่งอำนวยความสะดวกมีบ้านพักจำนวน 4 หลัง พักได้ประมาณ 60 ท่าน ทั้งนี้ มีสถานที่กางเต็นท์บริเวณดอยเสมอดาว ที่ทำการอุทยานฯ และที่ผาชู้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ ปณ.14 อ.นาน้อย จ.น่าน 55150 โทรศัพท์ 081-224-0800

          การเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดแพร่ ไปตามทางหลวงหมายเลข 101 ไปจนถึงอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามถนนแก้วฟ้า ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1026 จากอำเภอเวียงสา ไปอำเภอนาน้อย ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนสาย นาน้อย-ปางไฮ ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1083 ไปอีกประมาณ 22 กิโลเมตร จนถึงผาชู้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติศรีน่าน

 ภูหลวง 

          เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง หรือ ภูหลวง มีความหมายว่าเขาที่สูงใหญ่ หรือหมายถึงภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลก และดินส่วนที่อ่อนพัดพาลงสู่พื้นที่ส่วนต่ำ ภูหลวงประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2517 มีพื้นที่ประมาณ 560,593 ไร่สภาพทั่วไปเป็นพื้นที่ราบสูง อากาศเย็นตลอดปี ตั้งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอวังสะพุง อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูหลวง 

          ฤดูกาลบนภูหลวงมี 3 ฤดูเหมือนพื้นราบแต่ระดับอุณหภูมิต่างกัน ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-24 องศาเซลเซียส จะมีดอกไม้ที่มีสีสันเจิดจ้าสวยงามเช่นเอื้องตาเหิน กล้วยไม้ป่าดอกขาว กุหลาบขาวและกุหลาบแดง ฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อุณหภูมิใกล้เคียงหรือสูงกว่าหน้าร้อนเล็กน้อยจะมีดอกไม้ป่าดอกเล็ก ๆ สีชมพูอมม่วงขึ้นแซมตามทุ่งหญ้าและเทียนน้อย ฤดูหนาวอุณหภูมิลดลงมาก เฉลี่ย 0-16 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม บางวันอุณหภูมิลดลงถึง –4 องศาเซลเซียสจะมีก่วมแดงหรือที่รู้จักกันว่าเมเปิ้ล จะเปลี่ยนสีแดงแล้วผลัดใบ ตามพื้นดินจะเห็นต้นกระดุมเงิน และรองเท้านารีปีกแมลงปอขึ้นอยู่บนก้อนหิน และตามพื้นป่าดิบเขา ด้านตะวันออกของเทือกภูหลวง มีการค้นพบซากหินรอยเท้าไดโนเสาร์อายุกว่า 120 ล้านปี 

          นอกจากนี้ ยังมีป่าหลากชนิด แต่ป่าที่โดดเด่นที่สุดบนภูหลวง คือป่าสนสองใบ สนสามใบ และทุ่งหญ้าตามพื้นที่ราบ เนินเขาและลานหิน เส้นทางศึกษาธรรมชาติภูหลวง เป็นเส้นทางเดินต่อเนื่องกัน โดยเริ่มจากโหล่นมน ซึ่งเป็นบริเวณที่พักนักท่องเที่ยวผ่านป่าดงดิบ ลำห้วยป่าสนสามใบ และดอกไม้สลับทุ่งหญ้าระยะทางประมาณ 2.3 กิโลเมตร ถึงโหล่นสาวแยงคิง จากนั้นไปเป็นเส้นทางเดินไปยังโหล่นหินแอ่วขัน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านดงดอกไม้หลายชนิด ต่อไปเป็นทางเดินสู่ลานหินโหล่นแต้ ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะพบกุหลาบขาวและกล้วยไม้ป่าต่าง ๆ บริเวณผาโหล่นแต้ สามารถชมวิวทิวทัศน์ของภูหอ ภูกระดึง ภูยองภู และภูขวาง นอกจากนี้ ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผากบ ผาชมวิว โหล่นช้างผึ้ง ซุ้มงูเห่า และน้ำตกสายทอง

          การเดินทางขึ้นภูหลวง จากจังหวัดเลยไปยังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จากจังหวัดเลยไปตามเส้นทางสายเลย-ภูเรือ ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร ถึงบ้านสามตม แล้วแยกซ้ายที่บ้านสามตมไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง สำหรับผู้ที่เดินทางโดยไม่เข้าตัวจังหวัดเลย เมื่อผ่านอำเภอภูเรือไปตามเส้นทางเข้าจังหวัดเลย ระยะทางประมาร 14 กิโลเมตร จะถึงบ้านสามตม แล้วแยกขวาที่บ้านสามตมไปเป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ติดต่อสอบถามรายละเอียด ที่พัก อาหาร รถขึ้นภูหลวงได้ที่ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย โทรศัพท์ 0 4280 1955 หรือติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0 2562 0760 หรือ www.dnp.go.th

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยแม่ตะมาน


ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยแม่ตะมาน

 ดอยแม่ตะมาน

          ดอยแม่ตะมาน หรือ ป่าเกี๊ยะ (เกี๊ยะ เป็นคำเมืองแปลว่า ต้นสน) ตั้งอยู่ในเขตท้องที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นอยู่กับหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยทั่วไปมีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยจะหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ จากนั้นอากาศจะเริ่มอบอุ่น จากหน่วยงานสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ อีกทั้งยังมองเห็นยอด "ดอยเชียงดาว" อีกด้วย

          ที่สำคัญเมื่อฤดูหนาวมาเยือน จากที่พักสามารถมองเห็นทะเลหมอกหนายามเช้า กลางคืนจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าและแสงระยิบระยับจากเมืองเชียงดาว นอกจากนั้นยังมีแปลงดอกไม้ แปลงทดลองปลูกกาแฟให้ได้ชมกัน 

          ทั้งนี้ มีที่พักบริการแก่นักท่องเที่ยวแต่ควรเตรียมอาหารไปเอง ควรติดต่อขอใช้ที่พักล่วงหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ โทรศัพท์ 0 2579 7587 การเดินทางต้องใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ประมาณ 67 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าหน่วยงานฯ อีกประมาณ 21 กิโลเมตร สภาพทางช่วงนี้ลำบากมากเป็นทางลูกรังและเป็นหลุมเป็นบ่อต้องใช้รถ ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น


ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่
ที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยแม่ตะมาน


          อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียง ที่เที่ยวหน้าหนาว เพียงไม่กี่แห่งที่เราหยิบมาฝากกัน แต่ ที่เที่ยวหน้าหนาว ในประเทศไทย ยังมีที่สวยงามอีกมากมาย คุณต้องไปพิสูจน์ด้วยตาและสัมผัสด้วยใจของตัวเอง ^^ เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://travel.kapook.com/view18894.html
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก 
ททท.กรมอุทยานแห่งชาติฯ